สไตล์เพลง และ ความสามารถ ของ มารายห์_แครี

แครีย์เคยพูดว่าเธอได้รับการกระตุ้นจากนักร้องอาร์แอนด์บีและโซลจากศิลปินอย่าง บิลลี ฮอลิเดย์, ซาราห์ วอห์น, แกลดีส์ ไนท์ , อารีธา แฟรงคลิน, อัล กรีน และ สตีวี่ วันเดอร์ เธอได้รับอิทธิพลจากดนตรีแนวกอสเปล และนักร้องแนวกอสเปลที่เธอชื่นชอบคือ เดอะ คลาร์ก ซิสเตอร์ส , เชอร์ลีย์ เซซาร์ และ เอดวิน ฮอกินส์[109] แต่เมื่อแครีย์เริ่มหันมาทำดนตรีแนวฮิปฮอป มีการกล่าวว่า เธอกำลังทำเพลงที่นิยมในขณะนั้น เธอบอกกับนิตยสารนิวส์วีค ว่า "ไม่มีใครเข้าใจว่า ฉันเติบโตมากับดนตรีจำพวกนี้"[110] โดยแครีย์ออกมาเปิดเผยว่าเธอชื่นชอบศิลปินอย่าง เดอะ ซูการ์ฮิลล์ แกงก์ , อีริค บี แอนด์ ราคิม , เดอะ วู-แทง แคลน , เดอะ โนทอเรียส บีไอจี และ ม็อบบ์ ดีพ , ที่เธอได้ร่วมงานในเพลง "The Roof (Back in Time)"[19]

ตลอดอาชีพการร้องเพลง เสียงร้อง แนวทางดนตรี รวมถึงระดับความสำเร็จของเธอ ก็มักได้รับการเปรียบเทียบกับ วิทนีย์ ฮูสตัน และ เซลีน ดิออน ซึ่งก็มีคำวิจารณ์ของแกร์รี มูลฮอลแลนด์ไว้ว่า "เหล่าบรรดาเจ้าหญิง เสียงสูง เธอเป็นผู้ช่ำชองในการใช้เสียงกับเพลงป็อปฮิตติดตลาด"[111] แต่ก็มีนักเขียนบางคนเขียนว่าเธอแตกต่างจาก วิทนีย์ ฮูสตัน และ เซลีน ดิออน ตรงที่เธอเขียนเพลงเองด้วย[112]

เสียงร้อง

มารายห์ แครีย์เป็นนักร้องโคโลราทูราโซปราโน (coloratura soprano คือนักร้องระดับเสียงสูงสุดของผู้หญิงที่สามารถใช้เสียงได้หลากหลายด้วยเทคนิคอันแพรวพราวและร้องเสียงเฮดโทนวอยซ์ได้)[113] เสียงเธอมีความกว้างถึงห้าออกเตฟและมีเอกลักษณ์จากความสามารถในการร้องเสียงสูงใน whistle register (เสียงร้องเสียงสูงที่สูงกว่า E6) โน้ตที่สูงที่สุดที่เธอร้องได้คือ Bb7[17] (โน้ตที่สูงกว่า C7 ซึ่งเป็นโน้ตสูงสุดบนคีย์บอร์ดมาตรฐานอยู่ห้าเสียงครึ่ง หรือสูงกว่าโน้ตสูงที่สุดบนคีย์ของเปียโนซึ่งมีอยู่ 88 คีย์) เธอยังได้รับการบันทึกจากหนังสือกินเนสบุ๊คว่าเธอเป็นนักร้องที่สามารถร้องโน้ตได้สูงที่สุดในปี 2003[114] แครีย์มักจะได้รับคำกล่าวอย่างผิด ๆ ว่ามีเสียงร้องถึงเจ็ดออกเตฟ สาเหตุเนื่องจากการกล่าวเกินจริงในสมัยที่เธอเพิ่งเข้าวงการใหม่ ๆ[115] บางทีคำกล่าวนี้อาจจะเกิดจากการเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสามารถในการใช้เสียงของเธอในการร้องเสียงสูงใน whistle register โดยเฉพาะโน้ตเพลงในออกเตฟที่เจ็ด

ในปี 2003 แครีย์ ได้รับการลงคะแนนเสียงให้เป็นนักร้องเสียงดีที่สุดจากรายการเดอะ เกรทเท็ส วอยเซ็ส อิน มิวสิก (The Greatest Voices in Music) ของสถานีโทรทัศน์เอ็มทีวี และนิตยสารเบล็นเดอร์ของอเมริกา โดยจากการจัดอันดับ มีศิลปินดังอย่างวิทนีย์ ฮูสตัน ซึ่งอยู่อันดับสาม คริสติน่า อากีเลร่า อันดับห้า และ เซลีน ดิออน ซึ่งอยู่อันดับที่เก้า[116] แครีย์ให้ความเห็นกับแบบสำรวจนี้ว่า "นี่เป็นแบบสำรวจของคนรุ่นเอ็มทีวี แน่นอนว่าเป็นคำชมเชยที่ดี แต่ฉันก็ไม่รู้สึกอะไรเกี่ยวกับตัวฉันอย่างนั้น"[114]

สำหรับคำวิจารณ์ในด้านเสียงร้องของเธอ นิตยสารโรลลิงสโตนพูดไว้ว่า ในช่วงที่เธอออกอัลบั้ม Emotions "แครีย์ได้พรสวรรค์นี้มา แต่ถึงวันนี้ โชคไม่ดีที่การร้องของเธอมันไกลไปเกินประทับใจกว่าที่เธอได้แสดงออกมา กับระดับเสียงร้องที่สูงเกินกว่ามนุษย์ ผ่านโน้ตเพลงที่เกินกว่าจะเชื่อได้ว่าเธอกำลังร้องอยู่"[117] นิวยอร์กเดลีนิวส์เขียนไว้ในปี 2005 ว่า "การร้องของเธอ เป็นเรื่องของการแสดง ไม่ใช่เรื่องของอารมณ์ที่เป็นแรงดลใจ ... การที่มีเสียงดี จะเป็นนักร้องที่ดีได้หรือไม่ ...ค่อนข้างยาก"[118] และมีหลายคนตีความว่า เธอได้เปลี่ยนการร้องในลักษณะ มีลมหายใจออกมาด้วย ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 ถึงต้นยุค 2000 เสียงของเธอทรุดโทรมลง แต่เธอก็ยังคงบอกว่า "เสียงฉันก็ยังคงเป็นแบบนี้มาโดยตลอด"[119] และในปี 2007 แครีย์อยู่ในอันดับนักร้องที่แย่ที่สุดตลอดการของนิตยสารคิว จากการสำรวจของผู้อ่าน โดยนิตยสารเขียนไว้ว่า "ถึงแม้ว่า มารายห์ แครีย์จะมีเสียงช่วงกว้างถึง 5 ออกเตฟและมีเสียงดังที่ทำให้รังนกตกจากต้นไม้ได้ แต่มันก็ไม่ดี"[120]

เสียงของเธอในปัจจุบัน

นับตั้งแต่ปี 2001 ที่เธอได้เข้าโรงพยาบาล โดยทีมแพทย์พบว่า ได้เกิดตุ่มบริเวณเส้นเสียงของเธอ ทำให้อาจไม่สามารถร้องเพลงได้เท่าเดิม แต่แครีย์ยังออกมายืนยันว่า เสียงของเธอยังคงเป็นเหมือนเดิม โดยในปี 2002 เธอได้ออกอัลบั้มและทัวร์ในปี 2003-2004 โดยเสียงของเธอกลับมาดีขึ้นมากโดยเฉพาะเพลง Make It Happen และ Vision of Love[ต้องการอ้างอิง]

ธีมและสไตล์เพลง

แครีย์มักจะเขียนเพลงที่มีเนื้อเพลงเกี่ยวกับความรัก บางครั้งเธอก็ได้เขียนเนื้อเพลงที่เกี่ยวกับการเหยียดสีผิว ความตาย ความหิวโหย และเรื่องของความเชื่อจิตและวิญญาณโดยภาคดนตรี ได้ใช้เครื่องดนตรีอีเลคโทรนิค เช่น ดรัม แมชชีน, คีย์บอร์ด และ เครื่องสังเคราะห์เสียง โดยหลาย ๆ เพลงของเธอจะมีเปียโนประกอบอยู่ด้วย แครีย์เคยเรียนเปียโนตอนอายุ 6 ขวบ แต่เธอบอกว่าเธอไม่สามารถอ่านโน้ตได้แต่ชอบที่จะร่วมแต่งเพลงกับนักเปียโนเวลาแต่งเพลง และมันง่ายกว่าที่จะทดลองด้วยการรวมเมโลดี้และโครงสร้างคอร์ดด้วยวิธีนี้ การเรียบเรียงเพลงของแครีย์ได้รับอิทธิพลจากสตีวี่ วันเดอร์ ที่เธอเคยยกยอว่าเป็นอัจฉริยะแห่งศตวรรษที่ 20[19]

แครีย์เริ่มรีมิกซ์เพลงของเธอตั้งแต่ช่วงต้น และเป็นผู้นำที่จะร้องใหม่ในรีมิกซ์ของเธอ โดยดีเจ เดวิด มอราเลสได้ร่วมงานกับเธออยู่หลายครั้ง เริ่มจากเพลง "Dreamlover" (ปี 1993) รีมิกซ์ของเพลงนี้ได้รับความนิยมในหมู่วงการเพลงเฮาส์โดยนิตยสารสแลนท์ ยกย่องให้เป็นเพลงเต้นรำที่ดีที่สุดเพลงหนึ่ง[121]เพลง "Fantasy" (ปี 1995) เธอได้ร่วมแต่งรีมิกซ์ทั้งในรูปแบบแนวดนตรีฮิปฮอปและเฮาส์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ วีคลีได้ยกให้ทั้งสองรีมิกซ์ของเพลง "Fantasy" เป็นหนึ่งเพลงเยี่ยมที่สุดของเธอ[122]

แครีย์ยังคงร่วมงานการทำเพลงรีมิกซ์กับโปรดิวเซอร์อย่าง เดวิด มอราเลส, เจอร์เมน ดูปริ, จูเนียร์ วาสเควซ และ ดีเจ คลูย์

แหล่งที่มา

WikiPedia: มารายห์_แครี http://www.smh.com.au/articles/2003/03/31/10489626... http://top40.about.com/b/2005/06/04/mariah-carey-c... http://top40.about.com/od/reviews/gr/mcemotion.htm http://www.alaskajim.com/charts/yearlysingles/1996... http://www.allmusic.com/album/merry-christmas-r206... http://www.allmusic.com/artist/mariah-carey-p62404 http://www.att.com/gen/press-room?pid=4800&cdvn=ne... http://www.azcentral.com/ent/music/articles/0711mi... http://www.baltimoresun.com/entertainment/music/ba... http://www.beastiemania.com/whois/starr_brenda_k/